วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เคล็ดลับการขับรถที่ช่วยให้ประหยัดน้ำมัน

เว็บไซต์ “ซีเอ็นเอ็น มันนี่ ดอท คอม” มีเรื่องราวน่าสนใจเกี่ยวกับเคล็ดลับการขับรถที่ช่วยให้ประหยัดน้ำมันมาฝากครับ


          ปีเตอร์ วาลเดส ดาพีน่า เจ้าของข้อมูลแนะนำไว้ในเว็บไซต์นี้ว่า ยุคน้ำมันแพงสิ่งแรกที่ผู้ขับรถควรคำนึง ก็คือ ควรเลือกใช้รถให้เหมาะกับสภาพการใช้งาน ดาพีน่ายกตัวอย่าง ถ้าที่บ้านของคุณมีรถยนต์ให้เลือกใช้มากกว่า 1 คัน เช่น มีรถเก๋งซีดานแบบประหยัด 1 คัน กับรถยนต์อเนกประสงค์แบบเอสยูวี อีก 1 คัน

          1. อย่าได้พยายามคิดประหยัด โดยใช้วิธีเข้าไปนั่งเบียดเสียด แบบจับสมาชิกทั้งบ้าน ยัดกันเข้าไปเหมือนอัดปลากระป๋อง อยู่ในรถเล็กเพียงคันเดียว เพราะการทำเช่นนั้น นอกจากจะทำให้รถคันดังกล่าว ต้องแบกรับน้ำหนักเกินภาระของเครื่องยนต์ ทำให้สิ้นเปลืองการใช้เชื้อเพลิงมากกว่าปกติ เกิดการสึกหรอเร็วกว่าเดิม ยังทำให้เจ้าของรถต้องควักจ่ายค่าน้ำมันเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับการเปลี่ยนไปใช้รถแบบเอสยูวี ที่จุคนได้มากกว่า มองแล้วเหมือนจะสิ้นเปลืองกว่า แต่กลับประหยัดกว่า

          2. เติมน้ำมันตามชนิดที่คู่มือการใช้รถแนะนำ เช่น โรงงานผู้ผลิตรถยนต์แนะนำว่า รถคันนั้นสามารถใช้ได้กับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 หรือ E20 โดยไม่ทำร้ายเครื่องยนต์ ผู้ขับขี่ก็ไม่ควรเลือกเติมน้ำมันสูตรที่พิเศษหรือแพงกว่า เช่น เบนซิน 91 หรือแก๊สโซฮอล์ 95 เพราะรถยนต์ยุคนี้ ส่วนใหญ่มีอุปกรณ์เซ็นเซอร์ที่ทันสมัย สามารถปรับสภาพเครื่องยนต์ให้เข้ากับเชื้อเพลิง ที่มีค่าออกเทนต่ำโดยไม่สูญเสียแรงขับเคลื่อน

          ดังนั้นการเติมน้ำมันที่มีค่าออกเทน และราคาสูงเกินความจำเป็น จึงเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ ในรถยนต์ที่มีระบบครูซ คอนโทรล (cruise control) หรือวิ่งด้วยอัตราความเร็วที่ประหยัดน้ำมัน

          3. กรณีใช้ขับขี่บนทางราบทั่วไป ในสภาพที่การจราจรไม่ติดขัด เช่น วิ่งทางตรง ระยะไกลในต่างจังหวัด การใช้ระบบครูซ คอนโทรล นอกจากช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่เปลี่ยนแปลงความเร็วโดยไม่จำเป็น ยังช่วยให้ประหยัดน้ำมัน ยกตัวอย่าง การใช้ระบบครูซ คอนโทรล ที่ความเร็ว 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง จะช่วยให้ประหยัดเชื้อเพลิงได้ระหว่าง 10-15% เป็นต้น

          4. เป็นไปได้ควรขับช้าๆ และวิ่งชิดเลนซ้าย การใช้ความเร็วคงที่สม่ำเสมอ และขับอยู่เลนซ้าย เช่น ขับที่ความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง พิสูจน์แล้วว่า จะช่วยให้ประหยัดเชื้อเพลิงได้ประมาณ 15-20% เลี่ยงการแตะเบรกอย่างรุนแรง เมื่อไม่ได้ขับรถบนทางหลวง ที่มีการจราจรหนาแน่น ให้ระลึกไว้เสมอว่า การเหยียบเบรกแต่ละครั้ง ควรทำด้วยสัมผัสที่นิ่มนวล เพราะการขับรถอย่างกระโชกโฮกฮาก มักทำให้ต้องแตะเบรกอย่างรุนแรงตามมา นอกจากเสี่ยงอันตราย ยังทำให้สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากขึ้นอีก 25%

          5. รถที่มีแอร์ควรเปิดแอร์ ไม่ต้องถกเถียงกันอีกแล้วว่า การขับรถให้ประหยัดน้ำมัน ควรปิดหรือเปิดแอร์ขับกันแน่ ผู้ขับขี่รถส่วนใหญ่เชื่อว่า การขับรถทางไกลในต่างจังหวัด เมื่อปิดแอร์แล้วเปิดกระจกรับลมภายนอกแทน น่าจะช่วยให้ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น

          6. แต่ดาพีน่าบอกว่า ได้มีการพิสูจน์กันแล้ว การใช้รถแบบปิดแอร์ แล้วเปิดกระจกขับกับปิดกระจก แล้วเปิดแอร์ จะสิ้นเปลืองน้ำมันหรือไม่ ขึ้นอยู่กับประเภทของรถ และการใช้ความเร็ว ยกตัวอย่าง รถที่วิ่งด้วยความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง จะปิดหรือเปิดแอร์วิ่ง ก็สิ้นเปลืองแทบไม่ต่างกัน ยกเว้น ใช้ความเร็วเกินกว่า 100 กิโลเมตร/ชั่วโมงขึ้นไป ถ้าเปิดแอร์วิ่ง จะทำให้สิ้นเปลืองหรือกินน้ำมันมากกว่า

          7. หลีกเลี่ยงเส้นทางรถติด มีการพิสูจน์แล้วว่า การขับรถอ้อมหรือออกไปนอกไกลกว่าเส้นทางเดิม ที่รถติดเล็กน้อยดีกว่าขับอยู่ในเส้นทางที่รถติด แต่ไปได้แบบค่อยๆ ขยับ การขับแบบหลัง นอกจากทำให้หงุดหงิด ยังสิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่า

          8. นอกจากนี้ ยังมีเกร็ดความรู้ หากทำได้ในระยะยาวจะช่วยประหยัดได้มาก นั่นคือ ทุกครั้งที่เติมน้ำมัน ไม่ควรระบุว่า ขอเติมเต็มถัง แต่ควรกะโดยประมาณว่าเติมเท่าไหร่จึงจะเต็ม หรือเกือบเต็มถัง โดยระบุเป็นจำนวนเงินที่ต้องการเติม เช่น 200, 500 หรือ 1,000 บาท เพราะทุกครั้งที่เติมน้ำมันเต็มถัง นอกจากลิ้นหัวจ่ายน้ำมัน จะถูกตัวเซ็นเซอร์ สั่งปิดโดยอัตโนมัติ ยังมีการส่งน้ำมันที่ค้างในหัวจ่ายส่วนหนึ่ง ซึ่งผ่านการคิดเงินจากมิเตอร์แล้ว ย้อนกลับไปยังตัวปั๊มจ่าย


          ฉะนั้นการระบุให้เติมน้ำมันเต็มถัง จึงไม่ต่างกับการที่เจ้าของรถกำลัง บริจาคน้ำมันส่วนที่ค้างอยู่ในท่อจ่าย และถูกคิดเงินแล้ว ส่งคืนให้แก่ผู้ขาย แม้ว่าเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ ฟังดูจุกจิกหยุมหยิม แต่ในยุคที่น้ำมัน 1 ลิตร ราคาแพงกว่าข้าวราดแกง 1 จาน ใครจะหาว่าขี้ตืดก็อย่าไปสน

ที่มา:http://www.coronathailand.com/board/index.php?topic=4197.0;wap2

แต่ถ้าเพื่อนๆ คนไหนสนใจติดตั้ง lpg ngv ชัยหมากกระจาย
ยินดีบริการเป็นศูนย์ติดตั้ง lpg ngv  รับติดแก๊ส lpg และ 
ติดตั้งแก๊ส energy reform สอบถามได้ที่ 081-6130157 
www.chaigas.com ครับ




วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

5 เคล็ดลับดี ๆ ที่ช่วยให้คุณได้บอกลาอาการปวดหัว

 อาการปวดหัวนั้นเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมาก ๆ เลยทีเดียว เพราะเพียงแค่นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือเกิดเครียดขึ้นมาก็สามารถทำให้เราปวดหัวเอาได้ง่าย ๆ แล้ว ทำให้หลายคนชินชากับอาการแบบนี้จนมองว่ามันเป็นเรื่องเล็ก แต่ที่จริงแล้วมันอาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายอื่น ๆ ตามมา หรือทำให้คุณไม่สบายจนทำงานได้ไม่เต็มที่ ดังนั้นคุณจึงควรรักษาสุขภาพ และป้องกันอาการปวดหัวด้วยการทำตามเคล็ดลับดี ๆ เหล่านี้ดู


1. เลี่ยงกาเฟอีน
          อาหารต่าง ๆ ที่มีกาเฟอีนจะเป็นตัวเร่งอากากรปวดหัวของคุณได้เป็นอย่างดี รู้แบบนี้แล้วล่ะก็ ทานพวกกาแฟ น้ำอัดลม และชาให้น้อย ๆ หน่อยจะดีกว่านะ คุณจะได้ไม่ต้องทนกับอาการปวดหัวอีกต่อไปยังไงล่ะ อย่างไรก็ดีหากคุณเป็นคนติดกาเฟอีนอยู่สักหน่อย การเลิกกะทันหันก็อาจทำให้คุณรู้สึกหงุดหงิดปวดหัวไปสัก 4 - 5 วันได้เหมือนกัน แต่หลังจากนั้นคุณจะมีอาการปวดหัวน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดเลยล่ะ

2. หันมากินกล้วย

          เวลาที่น้ำตาลในเลือดของเราต่ำ ก็จะทำให้เราอยากทานอาหารหวาน ๆ จำพวกช็อกโกแลคและขนมอื่น ๆ กันมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งอาหารหวาน ๆ พวกนี้ก็เป็นตัวการทำให้คุณปวดหัวได้ดีเช่นกัน แต่ถ้าหากคุณทานกล้วย มันจะช่วยลดความอยากอาหารจำพวกนี้ได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ เพราะในกล้วยมีคาร์โบไฮเดรตสูง ซึ่งจะไปช่วยกระตุ้นให้น้ำตาลในเลือดของคุณสมดุลมากขึ้น จนร่างกายไม่รู้สึกขาดน้ำตาลอีกต่อไป ว่าแล้วใครที่ไม่ค่อยได้ทานกล้วย ก็ลองหันมากินกันดูบ้างก็ดีนะ

3. ทำอะไรเป็นเวลา

          การทำกิจวัตรประจำวันให้เป็นเวลา นอกจากจะช่วยฝึกระเบียบวินัยให้ตัวเองแล้ว ยังช่วยให้สุขภาพดีขึ้นได้ง่าย ๆ อีกด้วย โดยการกินอาหารเป็นเวลาจะช่วยให้น้ำตาลในเลือดของคุณสมดุลมากขึ้น ส่งผลให้อาการปวดหัวลดลงไปด้วย ในขณะเดียวกัน การนอนเป็นเวลาก็จะทำให้ร่างกายคุ้นชินจนคุณหลับสนิทยิ่งขึ้น ทำให้ไม่ต้องปวดหัวหลังจากพักผ่อนไม่เพียงพออีกต่อไป จนมีสุขภาพที่แข็งแรงและอารมณ์ดีขึ้นทันตาเห็น

4. นั่งหลังตรง

          ถ้าคุณรู้ตัวว่าเป็นคนชอบนั่งหลังค่อมเวลาอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ก็พยายามเลิกซะเถอะ เพราะนอกจากท่านั่งแบบนี้จะทำให้คุณเสียบุคลิกภาพสุด ๆ แล้ว ยังทำให้คุณมีอาการปวดหัวตามมาอีกด้วย เพราะเวลานั่งแบบนี้คุณก็มักจะยืดคอเพ่งที่หน้าจอเป็นประจำ จนทำให้กล้ามเนื้อคอบิดเกร็งและทำให้มีอาการปวดหัวขึ้นมาอีก คุณจึงควรนั่งหลังตรง เพื่อบุคลิกและสุขภาพที่ดีขึ้นจะดีกว่า

5. ใช้ยาแต่พอดี

          ถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นยา แต่ถ้าใช้ผิด ๆ ก็อาจมีโทษได้เหมือนกันนะ เพราะฉะนั้นพวกยาแก้ปวดหัวต่าง ๆ ก็ควรกินแต่พอดีเฉพาะคราวที่ปวดหัวมากจริง ๆ ก็พอ ห้ามใช้ปริมาณมากเกินกว่าที่เขียนไว้ข้างกล่อง และไม่ควรกินบ่อยเกินไปด้วย ไม่อย่างนั้นแล้วจะเกิดอาการดื้อยาเอาได้ง่าย ๆ ทำให้เมื่อปวดหัวขึ้นมา ยาก็คงไม่สามารถช่วยแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว
http://health.kapook.com



แต่ถ้าเพื่อนๆ คนไหนสนใจติดตั้ง lpg ngv ชัยหมากกระจาย
ยินดีบริการเป็นศูนย์ติดตั้ง lpg ngv  รับติดแก๊ส lpg และ 
ติดตั้งแก๊ส energy reform สอบถามได้ที่ 081-6130157 
www.chaigas.com ครับ